วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

หน่อย ขอเลี้ยงลูกเต็มที่ ไม่พร้อมคืนวงการ

เป็นศรีภรรยาที่น่ารักเสมอสำหรับ หน่อย บุษกร วงศ์พัวพันธ์ เพราะตอนนี้เดินหน้าเลี้ยงลูกเต็มที่ โดยจะให้นมกับน้องจุน ลูกคนเล็กเอง แถมแอบเมาท์ น้องคุน มีหวงคุณพ่อ เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ ส่วนเรื่องติดต่อถ่ายภาพครอบครัวนั้นมีบ้าง แต่เคนหวงลูก ด้านการแสดง ยอมรับคิดถึงละคร แต่ใจเป็นห่วงลูกมีมากกว่า

หน่อยกล่าวว่า "ก็คิดถึง ติดตามดูละครที่คนอื่นเล่นตลอด" ตั้งแต่ แรมพิศวาส แล้วมีคนติดต่อมาอีกมั้ย "ก็มีนะ แต่เคนยังไม่ปล่อย ลูกยังเล็กด้วย" ต้องเลี้ยงน้องเต็มที่เลย "ใช่ เพราะหน่อยให้นมเอง ก็อยากจะอยู่กับเขา น้องคุนซึ่งตอนนี้อายุ 2 ขวบ กำลังทำตามว่าพ่อแม่ทำยังไง เขาซนมาก แล้วพูดเก่งมาก" น้องคุนเห็นน้องจุนแล้วมีท่าทียังไงบ้าง "เขาก็อยากเล่นกับน้อง เขาก็เข้ามาเล่น แต่เขาจะเล่นแบบไม่เป็ฯ ไม่รู้จังหวะ จะเล่นแรง บางทีก็กระโดดทับลงไปทั้งตัว เราก็ โอ๊ย ตายแล้ว เบาๆคุน แต่เขาอยากเล่น ก็มาหอมน้อง" แล้วมีท่าทีงอนที่คุณแม่ดูแลน้องจุนมั้ย "ก็เคยเห็นเหมือนกันบางวันที่เราต้องอยู่กับน้องจุนตลอด เพราะต้องให้นม เขาก็เดินมามอง แล้วก็เดินไปเล่นอีกห้องนึงดีกว่า พอเราให้นมน้องจุนเสร็จก็จะไปหาน้องคุนเลย น้องจุนก็จะปล่อยให้ยายอุ้ม"

จะมีน้องคนที่สามต่อมั้ย "(หัวเราะ) ถามอะไรอย่างนั้น ยัง พอแล้ว" พาน้องไปเที่ยวที่กองถ่ายคุณพ่อบ้างหรือเปล่า "มีนะ เขาไปกอง "รหัสทรชน" เขาก็ไปถือวอของผู้กำกับแล้วก็สั่งคัตอะไรแบบนี้" จะมีถ่ายภาพแฟชั่นขี้นปกทั้งครอบครัวมั้ง "คงยังมั้ง เคนหวงลูก ก็เคยมีคนติดต่อมา ตอนนั้นน้องก็ยังเด็ก ยังสั่งอะไรไม่ได้ พอตอนนี้สั่งได้ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำตามคำสั่งหรือเปล่า กำลังต่อต้านนิดนึง" เวลาน้องคุนเห็นพ่อในทีวี เขาว่ายังไงบ้าง "น้องคุนไม่ค่อยดูทีวีนะ แต่เขาเคยดู "วิวาห์ว้าวุ่น" ที่เล่นกับชมพู่-อารยา แล้วชมพู่ซบพ่อ เขาก็จะเดินไปที่ทีวีแล้วบอก ถอยไป๊ ถอยไป ตลกดี เราก็นั่งขำๆ แต่เรื่อง 365 วันแห่งรัก เขายังไม่ได้ดู" เห็นแววพระเอกของน้องรึยัง "ยังไม่เห็นเลย ไม่รู้เหมือนกัน ส่วนเรื่องเห็นแม่ในทีวีนั้น เขาก็เคยเห็นเราในโฆษณา เขาจะบอก "แม่มาแล้ว" อีกนานแค่ไหน ถึงจะกลับวงการอีกครั้ง "ตอบไม่ได้จริงๆ ก็อยากเล่นละคร แต่ใจห่วงลูกมันมีมากกว่า ก็เอาเวลาให้ลูกก่อน เด็กวัย 1-3 ขวบ เป็นวัยที่กำลังซึมซับ น้องจุนเพิ่งจะ 3 เดือน เอง อีกนาน ซึ่งก็มีติดต่อมา แต่เราก็ปฏิเสธไปแล้ว"

ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Driving Tips ชมความงามแบบ Unseen ใต้หมู่เกาะทะเลกระบี่

เมื่อนึกถึงจังหวัดกระบี่ หลายคนจะนึกถึงธรรมชาติอันงดงามในแบบ Unseen แต่ในความเป็นจริงกระบี่ไม่ได้มีธรรมชาติแบบ Unseen แค่บนบกเท่านั้น ใต้ทะเลลึกในบรรดาหมู่เกาะต่างๆของกระบี่ยังมีความงดงามตระการน่าลงไปชื่นชมไม่แพ้ชายหาดบนเกาะกันเลยทีเดียว

สำหรับแหล่งดำน้ำชื่ดังของกระบี่นั้น สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ได้แก่ บริเวณหมู่เกาะพีพี และหมู่เกาะลันตา หมู่เกาะพีพีส่วนใหญ่เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงทางด้านหาดทรายขาวสะอาดให้เที่ยวเล่นน้ำถ่ายภาพแต่ในขณะเดียวกันด้วยความใสสะอาดของน้ำทะเลสีมรกตก็ทำให้กิจกรรมดำน้ำเป็นที่นิยมไม่น้อย โดยบริเวณหมู่เกาะพีพีมีจุดดำน้ำอยู่ที่อ่าวมาหยา อ่าวโละซามะ เกาะยูง และหินกลาง หากชื่นชอบการดำน้ำตื้นบริเวณอ่าวมาหยา และหินกลาง มีปะการังแข็ง และดอกไม้ทะเลให้ชม สำหรับนักดำน้ำแบบ Scube ก็ต้องไม่พลาดการไปชมที่อ่าวโละซามะ และเกาะยูง ซึ่งมีระดับความลึกอยู่ที่ 10-20 เมตร เบื้องลักษณะเป็นชะง่อนหินพบปะการังอ่อนขี้นมากมาย และบริเวณอ่าวโละซามะยังเหมาะสำหรับดำน้ำแบบ Night Dive ด้วย

สำหรับจุดดำน้ำบริเวณหมู่เกาะลันตา ส่วนใหญ่นิยมไปหมู่เกาะห้าเกาะรอก หินแดง และหินม่วง หากชื่นชอบแหล่งดำน้ำลึกที่มีถ้ำสลับซับซ้อนให้ชมแบบตื่นเต้นหน่อยก็ต้องไปที่หมู่เกาะห้า ส่วนนักดำน้ำที่ชื่นชอบแนวปะการังสีสันสดใสก็ต้องไม่พลาดไดร์ฟที่บริเวณหินแดง หินม่วง สำหรับ Night Dive เกาะรอกคลื่นลมสงบนับเป็นจุดที่ดีที่สุด

หากไปชื่นชมทะเลแหวกแบบ Unseen กันมาแล้ว ก็ไม่ควรพลาดไปเที่ยวชื่นชมความงามแบบ Unseen ของใต้หมู่เกาะทะเลกระบี่กัน

ที่มา นิตยสาร Places & Prices

วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ท่องเที่ยวแดนเขมร

มนต์ขลังของปราสาทโบราณอย่างนครวัด-นครธมยังคงมีแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากชาติต่างๆเข้าไปชื่นชมและถ่ายภาพได้อย่างต่อเนื่อง มากบ้างน้อยบ้าง แล้วแต่สถานการณ์บ้านเมืองจะเอื้ออำนวยยกเว้นนักเสี่ยงโชคชาวไทยที่ไม่ค่อยครั่นคร้ามกับกระแสความขัดแย้งสักเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าสถานการ์จะเป็นอย่างไร เงินไทยที่ไหลเวียนในบ่อนกาสิโนตามตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชาก็ยังคงเฟื่องฟูแบบไม่มีฟุบ

นครวัด-นครธม ปราสาทตาพรหม ลานพระเจ้าขี้เรื้อน ลานช้าง..โบราณสถานยิ่งใหญ่ในยุคพระเจ้าสุริยวรมัน พระเจ้าชัยวรมัน ทำหน้าที่ได้ยิ่งใหญ่และสร้างความประทับใจให้คนมาเยี่ยมเยือนได้ไม่ต่างจากเดิมยกเว้นสถานที่บางแห่ง เช่น ประสาทนครวัด เพราะหากคุณฝันอยากไต่บันไดหินแหว่งวิ่นที่ทำมุมเกือบๆจะเกือบจะเก้าสิบองศาเพื่อขี้นไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนหอสูงที่เปรียบเหมือนศูนย์กลางของจักรวาลตามความเชื่อในสมัยโบราณของปราสาทนครวัดอีกครั้ง คุณจะฝันสลายเนื่องจากก่อนหน้านี้มีอุบัติเหตุนักท่องเที่ยวตกลงมาบาดเจ็บ (บางข่าวว่าถึงกับเสียชีวิต) เส้นทางนี้จึงถูกปิดนักแต่นั้นมา แม้แต่ภาพเศียรพระพุทธรูปที่ถูกปกคลุมไว้ด้วยรากไม้สะปงบริเวณ ปราะสาทตาพรหมที่นิตยสารต่างประเทศนำไปตีพิมพ์จนโด่งดัง บัดนี้ก็ไม่มีให้ชื่นชมอีกแล้ว

แต่ที่อยู่ยั้งยืนยงเป็นภาพที่แยกไม่ออกกับสถานที่ท่องเที่ยวในเขมรคือ เด็กๆหน้าตามอมแมมที่วิ่งล้อมหลังนักท่องเที่ยวพร้อมกับของที่ระลึกนานาชนิด ส่วนใครที่ไม่มีของมาขายก็ขอเงินกันดื้อๆ

วิวัฒนาการใหม่อีกอย่างหนึ่งของเด็กเขมรในการตาม (บริการ) นักท่องเที่ยวที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร คือการเสี่ยงมฤตยูด้วยการกระโดดจากเรือเล็กเข้าสู่เรือใหญ่ พร้อมตะกร้าใส่กระป๋องน้ำอัดลม เพื่อขายให้แก่นักท่องเที่ยวขณะกำลังนั่งเรือชมธรรมชาติอย่างเพลิดเพลินใน โตนเลสาบ ในราคา 2 ดอลลาร์ขาดตัว

ที่มา นิตยสาร Secret

วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ถ่ายภาพดอยตุง สถานที่ถ่ายภาพที่งดงาม

ขอแนะนำสถานที่ถ่ายภาพที่งดงามอีกที่หนึ่งคือ ดอยตุง ดอยตุงในอดีตทำไร่เลื่อนลอยกันจนภูเขาราบเป็นหน้ากลอง เมือสมเด็จย่าท่านทรงนำโครงการพัฒนาดอยตุง ส่งผลพลิกจากดอยหัวโล้น เป็นภูเขาน่าเที่ยว โดยเฉพาะสวนไม้ดอกเมืองหนาวที่ออกดอกตลอดปี นอกจากนั้นยังมีเส้นทางเชื่อมถึงพระธาตุดอยตุง สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง ฯลฯ

ด้วยความสูง 1,509 เมตร จากระดับน้ำทะเล อากาศบนดอยจึงเย็นสบาย และเป็นดอยที่มีถนนตัดขึ้นดอยที่ดีที่สุดก็ว่าได้ จุดแรกที่ต้องไปให้ได้คือพระตำหนัก ดอยตุง ซึ่งสมเด็จย่าเคยประทับอยู่ และไปเดินเล่นชมพรรณไม้ที่สวนแม่ฟ้าหลวง ว่ากันว่าในหนึ่งปีที่นี่มีไม้ดอกไม่ซ้ำกันเลย ปลูกตามฤดูกาล อย่าลืมแวะดื่มกาแฟดอยตุงที่นี่ด้วย จากนั้นเดินทางต่อไปเที่ยวพระธาตุดอยตุง นอกจากจะได้ชมพระธาตุสีทองอันเก่าแก่ อันเป็นที่มาของชื่อดอยตุง (ตุงคือธง) แล้ว วิวข้างพระธาตุยังสวยงาม จากนั้นต้องเดินทางต่อไปยังสวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง ห่างจากพระตำหนักดอยตุงไปประมาณ 7 กิโลเมตร ที่นี่นอกจากจะมีพรรณไม้เมืองหนาวมากมายแล้ว จุดส่องสามแคว้นนั้น สามารถชมวิวได้ถึงสามแคว้นสมชื่อ เห็นตั้งแต่ดอยแม่สลองไปถึงพม่า หันกลับมาอีกด้านเห็นผืนป่าประเทศลาวอีกด้วย

ส่วนใหญ่จะเดินทางขี้นไปเที่ยวดอยตุง แบบเช้าขี้นเย็นลง ใช้เวลาหนึ่งวันกำลังดี แต่หากต้องการสัมผัสบรรยากาศทั้งกลางวันและกลางคืน มีที่พักคือบ้านพักมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงให้บริการ

ที่มา นิตยสาร Trips สุดยอดจุดชมวิว

วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

สถานที่ถ่ายภาพ ดอยผ้าห่มปก

ดอยผ้าห่มปก จังหวัดเชียงใหม่เป็น อีกหนึ่งสถานที่ถ่ายภาพแนะนำ ความหมายของดอยผ้าห่มปกนั้น มาจากคำว่าฟ้าห่มปก หมายถึงว่าดอยนี้สูงเหลือเกิน เป็นลำดับ 2 รองจากอินทนนท์ 2,285 เมตรจากระดับน้ำทะเล นอกจากจะมีดอยที่สูงเสียดฟ้าแล้ว บ่อน้ำพุร้อนที่นี่ยังโดดเด่นไม่แพ้กัน สมัยก่อนน้ำพุร้อนดังกว่าดอย เพราะเป็นบ่อยิ่งใหญ่ไปง่าย รถถึง

เที่ยวอุทยานแห่งนี้ ในวันนี้จึงสัมผัสจุดเด่นได้ทั้งสอง เริ่มแรกไปบ่อน้ำพุร้อนแม่ฝาง มีควันขาวโพลนตลอดวันคืนมาไม่รู้กี่ปีแล้ว อุณหภูมิ 40-88 องศาเซลเซียส มีอยู่ด้วยกันหลายบ่อ ควันขาวๆพุ่งสูง 40-50 เมตรทีเดียว มีอ่างอาบน้ำแร่เพื่อสุขภาพให้บริการด้วย จุดเด่นที่สองคือยอดดอยผ้าห่มปก ต้องนั่งรถแรงดีไปเริ่มต้นเดินที่ม่อนกิ่วลม ไปถึงแล้วกางเต็นท์ บริเวณนี้ชมวิวได้สวยงามไม่น้อย ส่วนยอดดอยต้องเดินเท้าขี้นไป 3 กิโลเมตร ผ่านป่าโบราณ อันทึบจนมองไม่เห็นท้องฟ้า ครั้งพ้นขี้นความสูงสู่ยอด จะเห็นวิวสวย มองเห็นถนนบนสันเขาขนานไปกับแนวชายแดนไทย พม่า เรือนยอดผืนป่าเบื้องล่าง ในฤดูหนาวยังได้ชมทะเลหมอกที่มาพร้อมอาทิตย์ขี้นด้วย ถ้าอากาศดีจะเห็นยอดดอยอ่างขางทะลุเหนือเมฆให้เห็นด้วย

ลงจากดอยแล้ว ยังมีน้ำตกสวยๆให้เที่ยว และต่อด้วยถ้ำห้วยบอนหากไม่รีบร้อนไปเที่ยวบ้านผาปู่หมื่น ดอยของมูเซอ ไปชมไร่เขา คุณอาจได้ของฝากจากที่นี่กลับบ้านไปด้วย

ที่มา นิตยสาร Trips สุดยอดจุดชมวิวทั่วไทย

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

ม่อนครูบาใส

ม่อนครูบาใสเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะแก่การถ่ายภาพของช่างกล้องที่แสวงหาสถานที่บรรยากาศธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติแม่เมย เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำเมย และลำน้ำสายเล็กๆอีกหลายสาย หากทวนสายน้ำขี้นสู่เขาสูง ยังจะพบว่ามีหลายดอยที่วิวสวย จนอาจกว่าวได้ว่าเป็นอุทยานฯ ที่มีดอยสวยมากที่สุดของจังหวัดตากก็ว่าได้ แต่ดอยที่สวยโดดเด่นกว่าเพื่อนคือดอยม่อนครูบาใส และม่อนกิ่วลม

สถานที่ท่องเที่ยวของอุทยานฯนี้ ส่วนใหญ่เป็นจุดชมวิวและน้ำตกส่วนใหญ่มีถนนเข้าถึง สำหรับจุดชมวิวทิวทัศน์มีอยู่หลายแห่ง เริ่มจากด้านหลังที่ทำการอุทยานฯ ชมวิวทะเลหมอกในช่วงฤดูหนาว มีเส้นทางเดินขึ้นไป และขับรถไปจากอุทยานฯ ไม่ไกลนักถึงจุดชมวิวม่อนกระทิง เนินเขาเตี้ยๆ แต่วิวสวย ชมทะเลหมอกได้อีกแห่ง บนถนนสายเดียวกันนี้ ยังไปถึงจุดชมวิวม่อนครูบาใน ห่างจากม่อนพูนสุดาเพียง 200 เมตร ชมพระอาทิตย์ขี้นก็ได้ ตกก็สวย ส่วนม่อนกิ่วลม นั้นเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขี้นที่สวยอีกแห่งหนึ่งบนเส้นทางสายแม่สลิดหลวง-แม่ระเมิง เห็นทะเลหมอกเบื้องล่าง และเห็นยอดเขาหลายยอดที่อยู่ต่ำกว่า อากาศเย็นสบายตลอดปี เพราะเป็นช่องเขาที่ลมพัดผ่าน เป็นทางเดินลม จนได้รับชื่อเรียกว่าเป็นกิ่วลม คือสถานที่ลมพัดผ่านตลอด

นอกจากจุดชมทิวทัศน์แล้ว ยังมีน้ำตกสวยอย่างน้ำตกแม่ระเมิง น้ำตกแม่สลิดน้อย น้ำตกชาวดอย และที่เด่นไม่แพ้จุดชมวิวเลยคือ ถ้ำแม่อุสุที่ได้ชื่อว่าลึกที่สุดในประเทศ ชมหินงอก หินย้อย เข้าได้เฉพาะช่วงแล้ง เพราะน้ำไหลเชี่ยวผ่านเข้าถ้ำ

ที่มา นิตยสาร Trips สุดยอดจุดชมวิวทั่วไทย

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

เว็บไซต์สอนถ่ายภาพเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง

การประกวดออกแบบเว็บไซต์ 2009 ( Web Design Contest Award 2009) ที่จัดขี้นโดยความร่วมมือของ 3 มหาวิทยาลัย ใน 3 ประเทศคือ มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว มหาวิทยาลัยฮอกไกโดอินฟอร์เมชั่น จากประเทศญี่ปุ่น และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี จากประเทศไทยได้ เสร็จสิ้นไปแล้ว

เป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า 3 เด็กหนุ่มจากประเทศไทยในนามทีม TO Training Camera จากรั้วมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรีสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศมาครองได้ โดยเอาชนะทีมที่เข้าร่วมแข่งขันอีก 17 ทีมได้

โดยน้องๆทีม TOA Training Camera มีสมาชิกประกอบด้วย "น้องออฟ" นายภควัต สุวรรณเขตต์ "น้องต้อง" นายภัทรธร ภู่พรายงาม และ "น้องอาร์ท" นายทวีชัย อัศวรังสิตแดง ทั้งหมดเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 โปรแกรมวิชาเทคโนโลยีมัลติมีเดีย

น้องๆทั้งสามบอกว่า เว็บไซต์ที่ออกแบบคือเว็บไซต์การสอนถ่ายภาพ http://www.sci.rmutt.ac.th/webcontest2009/new%20folder/port_sci.html สร้างโดยใช้ แฟลช ซีเอส 4 ( Flash CS4) ซึ่งผู้เรียนสามารถมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเรียน เพราะว่าแฟลชสามารถสร้างลูกเล่นได้มากมาย ซึ่งการที่เลือกออกแบบเว็บไซต์การสอนถ่ายภาพ เพราะว่า เคยได้เรียนการถ่ายภาพมาแล้วจึงต้องการจะถ่ายทอดเทคนิรที่ได้สัมผัสมาด้วนตนเอง ได้เคยลงมือปฏิบัติจริงก่อนที่จะออกมาเป็นรูปถ่าย 1 รูป นำเข้ามาไว้ในคอมพิวเตอร์ เพื่อความสะดวกสบายในการเรียนของคนทีสนใจในการถ่ายภาพ เพราะสามารถเข้ามาเรียนได้ทุกเวลา โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือสามารถเรียนผ่านเว็บไซต์ได้เลย

สำหรับจุดเด่นเว็บไซต์ คือการที่มีลูกเล่นหลากหลาย แบ่งเนื้อหาทั้งหมดออกเป็น 5 เรื่อง ประกอบไปด้วย 1 เบสิก ออฟ คาเมร่า (Basic of Camera) 2. ทูลส์ ออฟ คาเมร่า (Tools of Camera) 3. โหมด (Mode) 4. พรินซิเบิล ออฟ คาเมร่า (Principle of Camera) 5. เบสิกคอมโพสิชั่น (Basic Composition) โดยแต่ละเนื้อหาจะเรียงจากเนื้อหาที่ง่ายไปยาก ซึ่งคนที่ไม่มีพื้นฐานด้านการถ่ายภาพมาก่อนก็สามารถที่จะเรียนรู้ได้

การทำงานของทีมจะมีการแบ่งงานกันทำเป็น 3 ส่วน ในส่วนที่เป็นเนื้อหา "น้องออฟ" จะเป็นผู้รับผิดชอบ ในส่วนด้านกราฟฟิก "น้องต้อง" เป็นผู้รับผิดชอบ และในส่วนของการเขียนเว็บ "น้องอาร์ท" เป็นผู้ลงมือทำ ซึ่งก็โชคดีที่ทุกคนในทีมจะมีความถนัดในเรื่องการออกแบบ จึงไม่ปัญหาในการทำงานเท่าไหร่ โดยปัญหาที่เจอคือเรื่องของเวลา เพราะทุกคนต้องเรียน จึงไม่มีเวลาเต็มีในการออกแบบ ส่วนใหญ่จึงอาศัยเวลาหลังเลิกเรียนในการทำ

น้องๆทั้งสาม กล่าวต่อว่า ดีใจมากกับรางวัลที่ได้ในครั้งนี้ เพราะเป็นผลงานชิ้นแรก ซึ่งที่ผ่านมากไม่เคยส่งผลงานเข้าประกวดในเวทีไหนมาก่อน การเข้าแข่งขันในครั้งนี้ก็หวังเพียงประสบการณ์ไม่ได้หวังรางวัลอะไร ซึ่ก็ได้รับคำแนะนำจากคณะกรรมการ รวมถึงช่วยให้ได้รู้จักการทำงานเป็นทีม

ทั้งนี้การออกแบบเว็บไซต์มีโปรแกรมที่ใช้ในการออกแบบมากมาย ขี้นอยู่กับความสนใจ ความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคน ซึ่งบางคนก็ซื้อหนังสือมาอ่านเอง หรือว่าศึกษาจากเว็บไซต์ต่างๆซึ่งเมื่อทั้งสามมีความสนใจในการทำเว็บไซต์ก็อาศัยการศึกษาค้นคว้าตามหนังสือ หรือว่าในอินเทอร์เน็ตและหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็จะขอคำปรึกษาจากอาจารย์ผู้สอนสำหรับใครที่กำลังสนใจจะลองทำเว็บไซต์ด้วยตนเองก็ลองซื้อโปรแกรมมาศึกษาด้วยตนเองได้

ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์